ใกล้จะถึงเวลายื่นภาษีบุคคลธรรมดาของปีพ.ศ. 2559 บุคคลที่มีรายได้จากต่างประเทศอาจจะมีคำถามว่าจะต้องนำรายได้จากต่างประเทศมาเสียภาษีในประเทศไทยหรือไม่  ทั้งนี้ประเทศไทยเก็บภาษีบุคคลธรรมดาจากแหล่งเงินได้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเงินได้จากแหล่งนอกประเทศไทยจะเสียภาษีไทยก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและนำเงินได้ที่ได้รับจากแหล่งนอกประเทศไทยของปีนั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีเดียวกัน 

 

ดังนั้นคำถามแรกที่จะต้องถามสำหรับคนที่ไปทำงานต่างประเทศก็คือในปีพ.ศ. 2559 ได้อยู่ในประเทศไทยกี่วัน  บุคคลธรรมดาจะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย เมื่อบุคคลนั้นได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาถึง 180 วันในปีปฏิทินที่เกี่ยวข้อง การนับ 180 วันมีบางคนเข้าใจว่านับเฉพาะวันที่ทำงานซึ่งไม่ใช่ การนับวันว่าเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยจะนับตามวันที่อยู่ในประเทศไทยไม่ว่าทำงานหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น หากบุคคลนั้นทำงานในสิงคโปร์ โดยในปีพ.ศ. 2559 อาจจะกลับมาประเทศไทยบ้างในช่วงวันหยุดหรือลาพักประจำปี แต่นับแล้วอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดไม่ถึง 180 วัน  ไม่ว่าบุคคลนั้นจะได้นำเงินได้จากสิงคโปร์เข้ามาหรือไม่ก็ไม่เสียภาษีไทยแต่อย่างใด แต่ถ้าในปีพ.ศ. 2559 บุคคลนั้นได้อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วัน ไม่ว่าเพื่อการใดก็ตามและนำเงินได้ที่ได้รับจากประเทศสิงคโปร์ในปีพ.ศ. 2559 เข้ามาก็จะต้องนำมารวมเสียภาษีไทยด้วย กรณีนี้มักจะเกิดจากที่บุคคลทำงานในต่างประเทศระยะสั้นๆ หรือมีหน้าที่การงานในสองประเทศ และอาจอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 180  วัน ถ้าหากมีการนำเงินได้จากต่างประเทศของปีพ.ศ. 2559 เข้ามาในประเทศไทย ในปีพ.ศ. 2559  ก็จะต้องนำมารวมเสียภาษีไทยด้วย โดยเฉพาะกรณีที่มีการจ่ายเงินได้ในประเทศไทยหรือแม้กระทั่งจ่ายตรงเข้าบัญชีบุคคลในประเทศไทยในระหว่างไปทำงานในต่างประเทศก็จะถือว่าเป็นการนำเงินเข้ามาประเทศไทยเช่นกัน จึงต้องนำเงินได้ดังกล่าวมาเสียภาษีไทยด้วย 

 

เงินได้ในที่นี้รวมถึงเงินได้ที่เป็นเงินได้อื่นๆ จากแหล่งเงินได้ในต่างประเทศไม่ใช่เฉพาะเงินได้จากการจ้างงานหรือจากการประกอบกิจการ เช่น ดอกเบี้ยจากการฝากเงินในต่างประเทศ เงินปันผลจากต่างประเทศ  เป็นต้น 

 

ในลักษณะเดียวกันคนไทยที่ทำงานในต่างประเทศก็ควรพิจารณาว่าเงินได้จากแหล่งเงินได้ในประเทศไทยต้องเสียภาษีในต่างประเทศที่ตนเข้าไปทำงานหรือไม่ ซึ่งหลักใหญ่ๆ จะต้องทราบเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาของประเทศนั้นๆ ว่า มีกำหนดการจัดเก็บภาษีบุคคลธรรมดาจากฐานเงินได้ของบุคคลดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั่วโลก (worldwide basis) หรือเฉพาะฐานเงินได้ที่เกิดในประเทศผู้จัดเก็บภาษีเท่านั้น (territorial basis)  เช่น สิงคโปร์จัดเก็บภาษีจากแหล่งเงินได้ในประเทศสิงคโปร์เท่านั้น คือถ้าคนไทยไปทำงานที่สิงคโปร์มีเงินได้จากการการทำงานในสิงคโปร์ก็ต้องเสียภาษีสิงคโปร์ตามเงินได้นั้น  โดยไม่รวมเงินได้อื่นๆ ที่อาจมีในประเทศไทยที่ไม่เกี่ยวกับการทำงานในสิงคโปร์หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทีกำหนดไว้ 

 

ในขณะที่เวียดนามเก็บภาษีของผู้มีถิ่นที่อยู่ในเวียดนาม (resident) ตามฐานเงินได้ทั่วโลก หากบุคคลไทยไปทำงานและเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในเวียดนาม ตามกฎหมายเวียดนามจะมีผลให้บุคคลไทยนั้นต้องนำรายได้จากแหล่งนอกเวียดนามมาเสียภาษีในเวียดนามด้วยแม้ว่ารายได้ดังกล่าวจะไม่เกี่ยวกับการทำงานในเวียดนามเลยก็ตาม   ดังนั้นจึงต้องมีความเข้าใจหลักเกณฑ์ของแต่ละประเทศ

 

ในเรื่องของปีภาษีประเทศสมาชิกในอาเซียนกำหนดปีภาษีของบุคคลธรรมดาตามปีปฏิทิน โดยกำหนดเวลาในการยื่นแบบอยู่ระหว่าง 3-6 เดือนหลังเดือนธันวาคม  ทั้งนี้กำหนดเวลายื่นภาษีของบุคคลในประเทศไทยของปีพ.ศ. 2559 คือวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 แต่ถ้ายื่น online กำหนดเวลาจะขยายไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

 

อย่างไรก็ตามถ้ามีภาษีขอคืนและต้องการได้รับคืนเร็วก็ควรรีบยื่น  ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมามีการออกการลดหย่อนพิเศษหรือเฉพาะกิจมาหลายมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เช่น มาตรการลดหย่อนค่าซื้อสินค้าบริการช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ค่าซื้อสินค้า OTOP จากผู้ประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์ในช่วงเดือนสิงหาคม  ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศ  และล่าสุดคือมาตรการลดหย่อนค่าซื้อสินค้าและบริการในช่วงสิ้นปี ซึ่งผลจากมาตรการเหล่านี้อาจทำให้บุคคลโดยเฉพาะพนักงานเงินเดือนที่นายจ้างหักและนำส่งภาษีไว้ทุกเดือนเสียภาษีเกินได้เพราะมีค่าลดหย่อนเพิ่มเติมจากมาตรการเฉพาะการเหล่านี้จึงต้องมีการขอคืนภาษี อย่าลืมเก็บเอกสารการหักลดหย่อนให้ครบถ้วนและพร้อมในการให้ตรวจสอบ

 

 

ประเทศสมาชิก	กำหนดยื่น*
บรูไน	ไม่มี
กัมพูชา	- **
อินโดนีเซีย	31 มี.ค.
ลาว	-**
มาเลเซีย	30 เม.ย.
พม่า	30 มิ.ย
ฟิลิปปินส์	15 เม.ย.
สิงคโปร์	15 เม.ย./30 มิ.ย.
ไทย	31 มี.ค.
เวียดนาม	31 มี.ค.

หมายเหตุ :

*  เป็นข้อมูลเบื้องต้น ควรตรวจสอบรายละเอียดกฎหมายของแต่ละประเทศเพิ่มเติม
**ไม่มีการยื่นแบบรายปีโดยนายจ้างหักภาษีรายเดือน