ผลกระทบทางภาษีจากกรณีเปลี่ยนแปลงปีภาษีในประเทศเมียนมา

Thailand Tax Updates - 31 October 2019

ประเทศเมียนมาได้มีการเปลี่ยนแปลงปีภาษีจากเดิมเริ่ม 1 เมษายน ถึง 31 มีนาคม มาเป็น 1 ตุลาคม ถึง 30 กันยายน โดยมีรัฐวิสาหกิจ ธนาคาร และสถานบันทางการเงิน ได้เริ่มเปลี่ยนปีภาษีนับแต่ปี 2561 เป็นต้นมา สำหรับผู้เสียภาษีทั่วไปนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ปีภาษีใหม่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป กล่าวคือ เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2563

ผลกระทบทางภาษีจากกรณีเปลี่ยนแปลงปีภาษีในประเทศเมียนมา

ด้วยเหตุดังกล่าว กระทรวงการคลังและการวางแผนของประเทศเมียนมา จึงได้ออกประกาศ ฉบับที่ 64/2019 ลง วันที่ 5 สิงหาคม 2562 เกี่ยวกับวิธีการคำนวณภาษีสำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนปีภาษีเป็นระยะเวลา 6 เดือนกล่าวคือ ช่วงเวลาระหว่าง 1 เมษายน 2562 ถึง 30 กันยายน 2562 อันส่งผลกระทบต่อผู้เสียภาษีที่ต้องชำระภาษี อันได้แก่

  1. ภาษีสินค้าเฉพาะ (Specific goods tax)
  2. ภาษีการค้า (Commercial tax)
  3. ภาษีเงินได้ (Income tax)

ภาษีสินค้าเฉพาะ และภาษีการค้า

ผู้เสียภาษีจะต้องนำเงินได้ที่ต้องเสียภาษีสินค้าเฉพาะมาคูณด้วยสอง หากเงินได้ดังกล่าวมีจำนวนเกิน 20 ล้านจ๊าด ผู้เสียภาษีจะต้องนำเงินได้นั้นมาเสียภาษีสินค้าเฉพาะ

ในกรณีภาษีการค้า วิธีการคำนวณเช่นเดียวกับภาษีสินค้าเฉพาะข้างต้น ผู้เสียภาษีจะต้องเสียภาษีการค้าหากเงินได้ที่ต้องภาษีการค้า (ที่คูณด้วยสองแล้ว) มีจำนวนเกิน 50 ล้านจ๊าด

การคิดคำนวณเงินได้เป็นสองเท่าดังกล่าว อาจส่งผลให้ผู้เสียภาษีมีหน้าที่ต้องเสียภาษีสินค้าเฉพาะ/ภาษีสินค้า สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 6 เดือน หากเงินได้สองเท่านั้นมีจำนวนเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

ภาษีเงินได้

หลักเกณฑ์สำคัญสำหรับวิธีการคำนวณภาษีเงินได้ แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

1.  เงินได้ที่เกิดขึ้นจากการจ้างงาน

ผู้เสียเงินได้จะต้องนำเงินได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 6 เดือน คูณด้วยสอง ก่อนที่จะนำมาคำนวณอัตราภาษี เงินภาษีที่คำนวณได้จะถูกนำมาหารครึ่งสำหรับรอบปีภาษีดังกล่าว

นอกจากนี้ เงินได้สองเท่ายังนำมาใช้กับการรับรู้รายได้ประเภทเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายครั้งเดียวและโบนัส ซึ่งอาจส่งผลให้เงินได้ที่ต้องเสียภาษีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ 

อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้เสียภาษีซึ่งได้รับเงินได้เป็นครั้งคราว

2.  เงินได้ทางธุรกิจ

บริษัท และองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถนำรายจ่าย (ที่ไม่ใช่รายจ่ายที่เกี่ยวกับดอกเบี้ย ค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา และเงินบริจาค) มาหักกับเงินได้ตามหลักเกณฑ์ปกติ แล้วนำมาคูณด้วยสอง จากนั้นนำมาหักกับค่าหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคา  ดอกเบี้ย และค่าบริจาค ตามที่หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ เงินภาษีที่คำนวณได้จะถูกนำมาหารครึ่งสำหรับรอบปีภาษีดังกล่าว 

อย่างไรก็ดี มีประเด็นในการพิจารณาเกี่ยวกับการคำนวณดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น กรณีดอกเบี้ยและเงินบริจาคที่นำมาหักได้ตามที่จ่ายจริงในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ในขณะที่เงินได้กลับคิดเป็นสองเท่า

 นอกจากนี้ ประกาศฉบับที่ 64/2019 ยังมิได้กล่าวถึงกรณีผลขาดทุนว่าบริษัทจะสามารถนำผลขาดทุนสุทธิยกไปคำนวณในรอบปีภาษีถัดไปได้หรือไม่

3.  ถิ่นที่อยู่ของบุคคลธรรมดา

บุคคลใดที่มีระยะเวลาที่อยู่ในประเทศเมียนมาในช่วง 6 เดือน หลังจากคูณด้วยสองแล้วมีมากกว่า 183 วัน บุคคลนั้นถือว่าเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรอบปีภาษีดังกล่าว

วิธีการพิจารณาการเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่เบื้องต้นก่อให้เกิดปัญหาแก่บุคคลธรรมดาซึ่งจะเดินทางออกจากประเทศเมียนมาระหว่าง 6 เดือน แต่ระยะเวลาที่อยู่มีมากกว่า 92 วัน ในรอบปีภาษีนั้น อันส่งผลให้กลายเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศเมียนมา หลักเกณฑ์ดังกล่าวจึงอาจไม่เป็นธรรมในการคิดคำนวณภาษี และกรมสรรพากรก็ได้รับทราบถึงประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ กรมสรรพากรอาจออกคำอธิบายเพิ่มเติมก่อนที่กำหนดระยะเวลาในการยื่นภาษีจะสิ้นสุดลง 

นอกจากกรณีที่กล่าวมาโดยสังเขปข้างต้น ยังอาจมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการคำนวณภาษีในช่วงระยะเวลา 6 เดือน เนื่องจาก ประกาศฉบับที่ 64/2019 ยังคงมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการคำนวณทางภาษีอีกหลายประการ ดังนั้น ผู้ประกอบการและผู้เสียภาษีจึงควรระมัดระวังและติดตามข่าวสารจากกรมสรรพากรเพื่อจะได้สามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง 

อนึ่ง เคพีเอ็มจีมีสำนักงานตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งมีบุคลากรผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดทำและยื่นแบบแดวรายการเพื่อเสียภาษีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรม ภาษีการค้า และภาษีอื่นๆ เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายภาษีกำหนดไว้ อีกทั้งยังให้คำปรึกษาทางด้านภาษี รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางภาษีแก่ผู้เสียภาษีอีกด้วย

Connect with us